สวัสดีเพื่อนๆชาว thaibike.orgเห็นข่าวการเสียชีวิตของเพื่อนๆนักปั่นกันมาก็หลายครั้ง แน่นอนว่าเราไม่อยากจะให้เกิดขึ้นกับนักปั่นคนไหน สร้างความเสียใจให้ครอบครัว ญาติมิตรและเพื่อนๆนักปั่น วันนี้ thaibike.org เราจะพาไปรู้จัก การป้องกันหัวใจวาย กับ การปั่นจักรยาน ราป้องกันได้หรือไม่ แล้วแก้ไขอย่างไร ขอนำบทความทางการแพท จากหลายทีมารวบรวมให้เพื่อนๆ นักปั่นจักรยานได้รับความรู้เรื่องนี้กัน เราไปดูกัน
นพ.อนุชา เศรษฐเสถียร เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) กล่าวว่า ช่วงนี้กระแสการออกกำลังกายกำลังมาแรงโดยเฉพาะการปั่นจักรยาน ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี แต่การออกกำลังกายต้องออกอย่างเหมาะสม เพราะหากออกกำลังกายหักโหมเกินไปอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ โดยเฉพาะสำหรับผู้ป่วยโรคหัวใจ ซึ่งอาจเสี่ยงต่อการเกิดโดยโรคหัวใจล้มเหลว คือ หัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน ซึ่งส่วนใหญ่ร้อยละ 33 จะไม่มีอาการเตือน หรือบ่งบอกว่าจะเป็นโรค หรืออาจมีอาการเล็กน้อย คือ แน่นหน้าอกเหมือนมีอะไรมาทับไว้ที่กลางหน้าอก ซึ่งมักจะมีอาการนานเกิด 1 นาทีขึ้นไป ร่วมกับปวดร้าวขึ้นไปที่กรามหรือไหล่ โดยเฉพาะไหล่ซ้าย นอกจากนี้บางรายอาจไม่มีอาการแน่นหน้าอก แต่จะมีอาการเหนื่อย มีเหงื่อแตก ใจสั่น หน้ามืด เป็นลม หมดสติ
“การออกกำลังกายหนักๆ หรือการปั่นจักรยานจะทำให้หัวใจทำงานมากขึ้นและอาจมีการเต้นไม่สม่ำเสมอ ความดันเพิ่ม และเกิดการอุดตันในหลอดเลือด ซึ่งการป้องกันคือเมื่อเริ่มมีอาการ หรือรู้สึกผิดปกติให้พัก และต้องหมั่นไปพบแพทย์ ที่สำคัญต้องลดปัจจัยเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นการสูบบุหรี่ รับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ”
เลขาธิการ สพฉ. กล่าว
via pic : Trek Bikes
นพ.อนุชา บอกต่อว่า ส่วนการช่วยเหลือ หากเพื่อนที่ปั่นจักรยาน หรืออกกำลังกายมาด้วยกัน อยู่ดีๆ ล้มลง
เริ่มแรกคือต้องพามาอยู่ในที่ที่ปลอดภัย เลี่ยงทางเดินหรือทางรถ
หลังจากนั้นให้โทรสายด่วน 1669 เพื่อขอความช่วยเหลือ พร้อมทั้งเรียกคนมาช่
เริ่มทำการช่วยฟื้นคืนชีพ หรือ CPR ซึ่งการช่วยเหลือจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นหากช่วยเหลือร่วมกับการใช้เครื่องฟื้นคืนคลื่นหัวใจชนิดอัตโนมัติ หรือ เออีดี ที่ขณะนี้ สพฉ. ได้รณรงค์ให้มีการติดตั้งในพื้นที่สาธารณะเพิ่มขึ้นแล้ว
นพ.อนุชา กล่าวว่า การให้ความช่วยเหลือทำได้โดยการกดนวดหัวใจ ให้จัดผู้ป่วยนอนหงายบนพื้นแข็งโดยผู้ช่วยเหลือนั่งคุกเข่าอยู่ทางด้านข้างของผู้ป่วย วางส้นมือลงไปตามแนวกึ่งกลางของหน้าอกหรือกึ่งกลางระหว่างหัวนมทั้งสองข้างของผู้ป่วยแล้วนำมืออีกข้างมาประกบ ประสานนิ้วและทำการล๊อคนิ้ว กระดกข้อมือขึ้นลง โดยให้ส้นมือสัมผัสกับหน้าอกเท่านั้น โน้มตัวมาให้แนวแขนตั้งฉากกับหน้าอกของผู้ป่วย แขนตรงและตึง ออกแรงกดลงไปโดยใช้แรงจากหัวไหล่ จุดหมุนอยู่ตรงสะโพก กดให้หน้าอกยุบลงไปอย่างน้อย 5 เซนติเมตร โดยให้ส้นมือสัมผัสกับหน้าอกผู้ป่วยตลอดการนวดหัวใจ ส้นมือไม่หลุดออกจากหน้าอกผู้ป่วยด้วยความเร็ว 100 ครั้งต่อหน้าที และทำไปเรื่อยๆ จนกว่ารถพยาบาลจะมาถึง
Cr :/www.niems.go.th