ขอบคุณภาพwww.itravelyork.info
การกล่าวว่า การเปลี่ยนวิธีเดินทางไปทำงานจากการใช้รถยนต์ส่วนตัวมาเป็นการเดินหรือใช้จักรยานทำให้มีความสุขมากขึ้น ไม่ใช่การกล่าวที่เลื่อนลอยหรือเป็นเพียงความรู้สึกส่วนตัวของผู้กล่าวเท่านั้น ก่อนหน้าเรารู้อยู่แล้วว่า การออกกำลังกายทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนเอ็นดอร์ฟินซึ่งทำให้มีความสุข
ดังนั้นคนที่เดินหรือขี่จักรยานไปทำงานหรือไปทำธุระใดๆ จึงมีอารมณ์ดีกว่าคนที่นั่งไปในรถยนต์ส่วนตัว รถประจำทาง หรือรถไฟ แต่บัดนี้มีงานวิจัยมาสนับสนุนเพิ่มอีกด้วย
การศึกษาของมหาวิทยาลัยอีสท์แองเกลีย(University of East Anglia) และศูนย์วิจัยการกินอาหารและกิจกรรม(Centre for Diet and Activity Research) ในอังกฤษที่พิมพ์เผยแพร่ในวารสารเวชศาสตร์ป้องกัน (Preventive Medicine) เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2558 ที่ผ่านมา พบว่า คนที่เปลี่ยนวิธีการเดินทางจากการใช้รถยนต์ส่วนตัวมาเป็นการใช้จักรยานหรือการเดินมีสุขภาพชีวิตโดยรวมดีขึ้น
นักวิจัยใช้ข้อมูลของผู้เดินทาง 18,000 คนในอังกฤษที่เก็บมาในการสำรวจครัวเรือนอังกฤษ (British Household Panel Survey) โดยดูไปที่ตัวชี้วัดสุขภาพจิต เช่น ความรู้สึกไร้ค่า การนอนไม่หลับ ความสามารถในการเผชิญปัญหา และการไร้ความสุข จากข้อมูลเหล่านี้ คนที่เดินหรือขี่จักรยานไปทำงานรายงานว่าตนเองมีสมาธิดีกว่าและมีระดับความเครียดต่ำกว่าคนที่ขับรถไปทำงาน การศึกษานี้มีการควบคุมปัจจัยหลายประการที่มีผลกระทบต่อสุขภาพชีวิตแล้ว เช่น รายได้ การเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ และการเปลี่ยนงาน เป็นต้น นักวิจัยยังพบด้วยว่า คนที่ใช้ขนส่งสาธารณะ อย่างรถประจำทางหรือรถไฟ(ฟ้า)ก็ประสบกับความเครียดน้อยกว่าคนขับรถเช่นกัน ยิ่งคนๆ หนึ่งใช้เวลาขับรถไปทำงานนานเท่าใดก็จะมีผลกระทบทางกายภาคไปในทางลบมากขึ้นตามไปด้วย
และจริงๆ แล้ว การศึกษานี้ก็ไม่ใช่การศึกษาแรกที่เชื่อมโยงการขี่จักรยานไปทำงานกับความสุข รายงานการศึกษาในสหรัฐอเมริกาที่ใช้ชื่อว่า “อารมณ์กับวิธีเดินทาง: วิธีที่เราเดินทางมีผลต่อความรู้สึกของเราหรือไม่” ก็ได้ผลออกมาสอดคล้องกัน การศึกษานี้ใช้ข้อมูลจากการสำรวจการใช้เวลาของชาวอเมริกันพบว่า ถึงแม้วิธีเดินทางจะไม่ได้มีผลกระทบต่ออารมณ์มากเท่ากิจกรรมประจำวันอื่น การใช้จักรยานก็มีผลกระทบเชิงบวกต่ออารมณ์มากที่สุดเมื่อเทียบกับการเดินทางขนส่งด้วยวิธีอื่นๆ ผลการศึกษาในสหรัฐฯ ต่างไปจากในอังกฤษตรงที่พบว่า คนที่เดินทางด้วยรถประจำทางหรือรถไฟมีความสุขน้อยกว่าใช้รถยนต์ส่วนตัว ซึ่งอาจจะเป็นเพราะระบบขนส่งสาธารณะในสหรัฐฯ ไม่สะดวกสบายเท่าในอังกฤษหรือในยุโรปทั่วไป และคนอเมริกันเลือกใช้ขนส่งสาธารณะเมื่อใช้รถยนต์ไม่ได้ จึงทำให้พวกเขามีพื้นฐานอารมณ์ไม่ค่อยดีตั้งแต่ก่อนออกเดินทาง แน่นอนว่าเราควรจะมีการศึกษาหาความรู้มากขึ้นในเรื่องนี้ทั้งในอังกฤษ สหรัฐอเมริกา และที่อื่นๆ รวมทั้งประเทศไทย
แต่โดยพื้นฐานสำหรับคนที่ยังไม่ได้เดินหรือขี่จักรยานไปทำงานหรือทำกิจธุระอื่นในชีวิตประจำวัน ยังต้องการเหตุผลอะไรเพิ่มอีกหรือครับในเมื่อมันดีต่อสุขภาพของคุณทั้งกายใจ ประหยัดเงิน ทั้งยังดีต่อโลกด้วย ผมเป็นพยานยืนยันได้คนหนึ่งล่ะ
ที่มา กวิน ชุติมา กรรมการชมรมจักรยานเพื่อสุขภาพแห่งประเทศไทย เรียบเรียงจาก Biking or walking may be the secret to a happier life โดย Margaret Badore และ Are bicyclists the happiest commuters on the planet? โดย Zachary Shahanใน www.treehugger.com